เป็นโนจิตตสหภู ธรรมายตนะ. เป็นจิตตสหภูก็มี เป็นโนจิตตสหภูก็มี
อายตนะ 11 เป็นโนจิตตานุปริวัตติ ธรรมายตนะ เป็นจิตตานุปริวัตติก็มี เป็น
โนจิตตานุปริวัตติก็มี อายตนะ 11 เป็นโนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานะ ธรรมายตนะ
เป็นจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานะก็มี เป็นโนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานะก็มี อายตนะ 11
เป็นโนจิตตสังสัฉฐสมุฏฐานสหภู ธรรมายตนะ เป็นจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูก็มี
เป็นโนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานสหภูก็มี อายตนะ 11 เป็นโนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐา-
นานุปริวัตติ ธรรมายตนะ เป็นนจิตตสังสัฏฐสมุฏฐานานุปริวัตติก็มี เป็นโน-
จิตตสังสัฏฐสมุฏฐานุปริวัตติก็มี อายตนะ 6 เป็นอัชฌัตติกะ อายตนะ 6 เป็น
พาหิระ อายตนะ 9 เป็นอุปาทา อายตนะ 2 เป็นนอุปาทา ธรรมายตนะ
เป็นอุปาทาก็มี เป็นนอุปาทาก็มี อายตนะ 5 เป็นอุปาทินนะ สัททายตนะ
เป็อนุปาทินนะ อายตนะ 6 เป็นอุปาทินนะก็มี เป็นอนุปาทินนาก็มี.

11. อุปาทานโคจฉกวิสัชนา

[111] อายตนะ 11 เป็นนอุปาทานะ ธรรมายตนะ เป็นอุปาทานะ
ก็มี เป็นนอุปาทานะก็มี อายตนะ 10 เป็นอุปาทานิยะ อายตนะ 2 เป็น
อุปาทานิยะก็มี เป็นอนุปาทานิยะก็มี อายตนะ 10 เป็นอุปาทานวิปปยุต
อายตนะ 2 เป็นอุปาทานสัมปยุตก็มี เป็นอุปาทานวิปปยุตก็มี อายตนะ 10
กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานอุปาทานิยะ เป็นอุปาทานิยโนอุปาทานะ มนายตนะ
กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานอุปาทานิยะ เป็นอุปาทานิยโนอุปาทานะก็มี กล่าว
ไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานิยโนอุปาทานะก็มี ธรรมายตนะ เป็นอุปาทานอุปาทานิยะ
ก็มี เป็นอุปาทานิยโนอุปาทานะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็นอุปาทานอุปาทานิยะ
แม้เป็นอุปาทานิยโนอุปาทานะก็มี อายตนะ 10 กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็น

อุปาทานอุปาทานสัมปยุต แม้เป็นอุปาทานสัมปยุตตโนอุปาทานะ มนายตนะ
กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานอุปาทานสัมปยุต เป็นอุปาทานสัมปยุตตโนอุปาทานะ
ก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นอุปาทานสัมปยุตตโนอุปาทานะก็มี ธรรมายตนะ เป็น
อุปาทานอุปาทานสัมปยุตก็มี เป็นอุปทานสัมปยุตตโนอุปาทานะก็มี กล่าวไม่ได้
ว่า แม้เป็นอุปาทานอุปาทานสัมปยุต แม้เป็นอุปาทานสัมปยุตตโนอุปาทานะก็มี
อายตนะ 10 เป็นอุปาทานวิปปยุตตอุปาทานิยะ อายตนะ 2 เป็นอุปาทานวิปป-
ยุตตอุปาทานิยะก็มี เป็นอุปาทานวิปปยุตตอนุปาทานิยะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า
แม้เป็นอุปาทานวิปปยุตตอุปาทานิยะ แม้เป็นอุปาทานวิปปยุตตอนุปาทานิยะก็มี.

12. กิเลสโคจฉกวิสัชนา

[112] อายตนะ 11 เป็นโนกิเลสะ ธรรมายตนะ เป็นกิเลสะก็มี เป็น
โนกิเลสะก็มี อายตนะ 10 เป็นสังกิเลสิกะ อายตนะ 2 เป็นสังกิเลสิกะก็มี เป็น
อสังกิเลสิกะก็มี อายตนะ 10 เป็นอสังกิลิฏฐะ อายตนะ 2 เป็นสังกิลิฏฐะก็มี
เป็นอสังกิลิฏฐก็มี อายตนะ 10 เป็นกิเลสวิปปยุต อายตนะ 2 เป็นกิเลสสัมป-
ยุตก็มี เป็นกิเลสวิปปยุตก็มี อายตนะ 10 กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสสังกิเลสิกะ
เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะ มนายตนะ กล่าวไม่ได้ว่า เป็นกิเลสสังกิเลสิกะ เป็น
สังกิเลสิกโนกิเลสะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะก็มี ธรรมายตนะ
เป็นกิเลสสังกิเลสิกะก็มี เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า แม้เป็น
กิเลสสังกิเลสิกะ แม้เป็นสังกิเลสิกโนกิเลสะก็มี อายตนะ 10 กล่าวไม่ได้ว่า
แม้เป็นกิเลสสังกิลิฏฐะ แม้เป็นสังกิลิฏฐโนกิเลสะ มนายตนะ กล่าวไม่ได้ว่า
เป็นกิเลสสังกิลิฏฐะ เป็นสังกิลิฏฐโนกิเลสะก็มี กล่าวไม่ได้ว่า เป็นสังกิลิฏฐ-
โนกิเลสะก็มี ธรรมายตนะ เป็นกิเลสสังกิลิฏฐะก็มี เป็นสังกิลิกฐโนกิเลสะก็มี